..."ตัวเก็บประจุ"...
...ตัวเก็บประจุหรือคาปาซิเตอร์ (Capacitor) ใช้อักษรย่อ "c" เป็นอุปกรณ์ทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่มีคุณสมบัติในการทำงาน เป็นตัวเก็บประจุไฟฟ้าและศักย์ไฟฟ้าไว้ในตัวได้ โดยอาศัยคุณสมบัติของประจุไฟฟ้าและศักย์ไฟฟ้าที่ว่าศักย์ไฟฟ้าต่างกันจะดูดกัน เมื่อนำแผ่นโลหะบาง 2 แผ่นมาวางใกล้กัน พร้อมกับจ่ายศักย์ไฟฟ้าให้แผ่นทั้ง 2 ต่างศักย์กัน จะเกิดเส้นแรงไฟฟ้าจากศักย์ไฟฟ้าทั้ง 2 แผ่นโลหะดึงดูดกัน การดึงดูดของศักย์ไฟฟ้าจากแผ่นดลหะทั้ง 2 แผ่น ยังคงมีต่อเนื่อง ถึงแม้งดจ่ายศักย์ไฟฟ้าให้แผ่นโลหะทั้ง 2 แล้วก็ตาม คุณสมบัติดังกล่าวจึงเรียกแผ่นโลหะทั้ง 2 แผ่นที่อยู่ใกล้กันนี้ว่า "ตัวเก็บประจุ" ลักษณะประจุไฟฟ้าของแผ่นโลหะทั้ง 2 แผ่น ขณะก่อนการประจุ และขณะหลังการประจุ
ตัวเก็บประจุประกอบด้วยแผ่นโลหะบาง 2 แผ่น ซึ่งอาจเรียกว่าแผ่นตัวนำ (Conductive Plate) วางขนานกัน มีฉนวนไฟฟ้าที่เรียกว่าไดอิเล้กดริก (Dieletric) วางคั่นกลางแผ่นโลหะทั้ง 2 แผ่น ที่แผ่นโลหะทั้ง 2 แผ่น มีลวดตัวนำต่อติดไว้แผ่นละเส้นใช้เป็นขั้วต่อใช้งาน ลักษณะโครงสร้างและสัญลักษณ์ของตัวเก็บประจุ
การเก็บประจุ (Charge) ของตัวเก็บประจุ คือ การเก็บสะสมประจุไฟฟฟ้าและศักย์ไฟฟ้าไว้ในตัวเก็บประจุ โดยการจ่ายแรงดันผ่านลวดตัวนำไปให้แผ่นโลหะทั้ง 2 แผ่น ทำให้เกิดการประจุขึ้น
การคายประจุ (Discharge) ของตัวเก็บประจุคือการที่ตัวเก็บประจุเริ่มปล่อยให้มีการเคลื่อนที่เข้าหากันของประจุไฟฟ้าต่างชนิดกัน ส่งผลให้ศักย์ไฟฟ้าในตัวเก็บประจุลดลงจนหมดเกิดการสมดุลของศักย์ไฟฟ้าในแผ่นโลหะทั้ง 2 แผ่นของตัวเก็บประจุ..." ความจุของตัวเก็บประจุ "...
ค่าความจุ (Capacitance) ของตัวเก็บประจุ คือ ค่าความสามารถในการเก็บสะสมประจุไฟฟ้าไว่ฃ้ในตัวเก็บประจุได้น้อยหรือมาก ค่าความจุนี้เปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับส่วนประกอบสำคัญ 3 ส่วน ดังนี้
1) ระยะห่างของแผ่นโลหะทั้งสอง
2) พื้นที่ผิวของแผ่นโลหะทั้งสอง
3) ชนิดของวัสดุที่ใช้ทำฉนวนคั่นกลางแผ่นโลหะ
1. ระยะห่างของแผ่นโลหะทั้งสอง
ระยะห่าของแผ่นโลหะทั้งอง มีผลต่อค่าความจุของตัวเก็บประจุ เพราะระยะห่างของแผ่นโลหะทั้งสองมีผลต อำนาจการดึงดูดของประจุไฟฟ้าระหว่างแผ่นโลหะทั้งสอง วางแผ่นโลหะทั้งสองใกล้กันอำนาจการดึงดูดของไฟฟ้าจะมาก เกิดความต่างศักย์ของศักย์ไฟฟ้ามากคือมีความจุมาก และเมื่อวางแผ่นโลหะทั้งสองห่างกันอำนาจการดึงดูดของประจุไฟฟ้าน้อยลง เกิดความต่างศักย์ของศักย์ไฟฟ้าน้อยลง คือมีความจุน้อย ในเมื่อขนาดพื้นที่ผิวของแผ่นโลหะในตัวเก็บประจุ 2 ตัวนี้เท่ากัน ซึ่งกล่าวโดยสรุปได้ว่า แผ่นโลหะทั้งสองวางชิดกันจะมีความจุมาก และแผ่นโลหะทั้งสองวางห่างกันและมีความจุน้อย
2. พื้นที่ของผิวโลหะทั้งสอง
พื้นที่ผิวของโลหะทั้งสอง เป็นตัวกำหนดขนาดของค่าความจุในตัวเก็บประจุ ว่าสามารถเก็บสะสมประจุลงในแผ่นดลหะจำนวนมาก ความจุมาก แผ่นโลหะมีพื้นที่น้อย จำนวนประจุไฟฟ้าที่ประจุลงในแผ่นโลหะมีจำวนวนน้อย ความจุน้อย ในเมื่อระยะห่างของแผ่นดลหะทั้ง 2 ขนาดห่างเท่ากัน ซึ่งกล่าวโดยสรุปได้ว่า แผ่นโลหะมีพื้นที่ผิวมากจะมีความจุมาก และแผ่นโลหะมีพื้นที่ผิวน้อยจะมีความจุน้อย
3. ชนิดของวัสดุที่ใช้ทำฉนวนคั่นกลางแผ่นโลหะ
ชนิดของวัสดุที่นำมาใช้ทำฉนวนคั่นกลางแผ่นโลหะ วัสดุต่างชนิดกันจะมีคุณสมบัติในการเป็นฉนวนต่อประจุไฟฟ้าแตกต่างกัน เมื่อนำมาใช้งานเป็นฉนวนคั่นกลางแผ่นโลหะยอมมีผลต่อความจุที่เกิดขึ้นในตัวเก็บประจุแตกต่างกัน การเปรียบเทียบทำโดยนำแผ่นโลหะทั้ง 2 แผ่นวางห่างกันในระยะคงที่ค่างหนึ่ง นำฉนวนที่แตกต่างกันมาเนฉนวนคั่นกลางแผ่นโลหะ การเปรียบเทียบนี้เปรียบเทียบกับฉนวนที่เป็นอากาศ ซึ่งมีค่าคงที่ความเป็นฉนวนหรือเรียกว่าค่าคงที่ไดเล็กตริก (Dielectric Constant) เท่ากับ 1 ในแนวนอื่นๆ ทีนำมาเปรียบเทียบมีค่าคงที่ความเป็นฉนวนแตกต่างกันไป
..." ตัวเก็บประจุแบบค่าคงที่ "...
ตัวเก็บประจุแบบค่าคงที่ เป็นตัวเก็บประจุที่มีค่าคงที่ตายตัว ตัวเก็บประจุแบบนี้ถูกผลิตขึ้นมาใช้งานหลายชนิด แต่ละชนิดที่ผลิตใช้งานจะใช้วัสดุที่เป็นฉนวนแตกต่างกันการเรียกชื่อตัวเก็บประจุ เรียกตามชื่อชนิดของวัสดุที่ใช้ทำเป็นฉนวน มีดังนี้
1) ตัวเก็บประจุชนิดไมก้า (Mica Capacitor)
2) ตัวเก็บประจุชนิดกระดาษ (Paper Capacitor)
3) ตัวเก็บประจุชนิดเซรามิก (Ceramic Capacitor)
4) ตัวเก็บประจุชนิดฟิล์มพลาสติก (Plastic Film Capacitor)
5) ตัวเก็บประจุชนิดแทนทาลัม (Tantalum Capacitor)
6) ตัวเก็บประจุชนิดอิเล็กโตรไลติก (Electrolytic Capacitor)
1. ตัวเก็บประจุชนิดไมก้า
ตัวเก็บประจุชนิดไมก้า เป็นตัวเก็บประจุที่ใช้แผ่นโลหะบางๆ หลายๆ แผ่นซ้อนกัน และแผ่นโลหะบางถูกคั่นด้วยฉนวนไมก้า ต่อเชื่อมแผ่นโลหะออกเป็น 2 ชุด พร้อมต่อขาด้วยลวดตัวนำออกมาใช้งาน ตัวเก็บประจุแบบไมก้ายังแบ่งย่อยได้เป็น แผ่นโลหะบางแบบอลูมิเนียม (Aluminium Foil) และแผ่นโลหะบางแบบฟิล์มเงิน (Sliver Films) ไมก้าเป็นฉนวนที่ดีทำให้ตัวเก็บประจุชนิดนี้สามารถสร้างสามารถสร้างให้ทนแรงดันไฟฟ้าได้สูงมากขึ้น
2. ตัวเก็บประจุชนิดกระดาษ
ตัวเก็บประจุชนิดกระดาษ เป็นตัวเก็บประจุที่ใช้แนวนคั่นกลางแผ่นโลหะบางทั้งสองเป็นพวกแผ่นกระดาษที่เคลือบสารที่ ขาลวดตัวนำถูกต่อออกมาใช้งานจากแผ่นบางทั้งโลหะทั้งสอง แผ่นละขา ต่อออกมาเป็นขาใช้งาน ตัวถังด้านนอกสุดหุ้มด้วยกระดาษแข็ง พลาสติก หรือโลหะพวกอะลูมิเนียมลักษณะตัวเก็บประจุชนิดกระดาษ
3. ตัวเก็บประจุชนิดเซรามิก
ตัวเก็บประจุชนิดเซรามิก เป็นตัวเก็บประจุที่ใช้ฉนวนคั่นกลางแผ่นโลหะบางทั้งสองเป็นพวกวัสดุเซรามิก เซรามิกทำมาจากดินเหนียวผสมด้วยสารพวกติตาเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) นำไปเผาที่ความร้อนสูงๆ ทำให้ได้เซรามิกที่มีค่าคงที่ไดอิเล็กตริกสูงมาก แผ่นโลหะตัวนำจะใช้เงินเคลือบบนผิวเซรามิก ทำให้ตัวเก็บชนิดนี้มีค่าความจุสูงแต่มีขนาดเล็กลง ผิวด้านนอกหุ้มด้วยพลาสติกหรือซิลิโคน
4. ตัวเก็บประจุชนิดฟิล์มพลาสติก
ตัวเก็บประจุชนิดฟิล์มพลาสติก ถูกพัฒนาขึ้นมาแทนตัวเก็บประจุแบบกระดาษ มีโครงสร้างคล้ายกับตัวเก็บประจุแบบกระดาษ เพียงแต่เปลี่ยนฉนวนคั่นแผ่นโลหะตัวนำเป็นพวกฟิล์มพลาสติก ฟิล์มพลาสติกที่ใช้ทำมาจากวัสดุหลายประเภท เช่น ไมลาร์ (Mylar) โพลีเอสเตอร์ (Polyester) โพลีสไตรีน (Polystyrene) และโพลีคาร์บอเนต (Polycarbonate) โพลีสไตรีน (Polystyrene) โพลีโพรไพลีน (Polypropyrene) และโพลีคาร์บอเนต(Polycarbonete) เ็นต้น การเรียกชื่อตัวเก็บประจุชนิดฟิล์มพลาสติกจะเรียกชื่อตามชนิดฉนวนที่ใช้คั่นชื่อกลาง
ตัวเก็บประจุมีการพิมพ์ตัวอักษรภาษาอังกฤษ2-3 ตัวกำกับไว้ที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของเปลือกหุ้มตัวเก็บประจุ เพื่อบอกค่าความผิดพลาดและที่ตัวอักษรตัวสุดท้ายจะใช้บอกถึงเป็นต้น ตัวอักษรตัวท้ายแต่ละตัวมีความหมาายดังนี้
MKT = T ตัวสุดท้ายเป็นฉนวนประเภทโพลีเอสเตอร์
MKP, KP = P ตัวท้ายเป็นฉนวนประเภทโพรลีไพลีน
MKS, FKC, TSC = C ตัวท้ายเป็นฉนวนประเภทโพลีคาร์บอเนต
MKS, FKS, KS = S ตัวท้ายเป็นฉนวนประเภทโพลีสไตรีน
ข้อดีของตัวเก็บประจุชนิดฟิล์มพลาสติก คือ คุณสมบัติของฉนวนดีกว่ากระดาษมากมีความหนาแน่นของค่าความจุสูง ความผิดพลาดต่ำ และมีอายุกาใช้งานนานขึ้น อุณหภูมิมีผลต่อการทำให้ค่าความจุเปลี่ยนแปลงน้อยมาก มีความผิดพลาดของค่าความจุต่ำเพียงไม่เกิน +_ 2.5 - 5% การนำไปใช้งานนิยมนำไปใช้ในวงจรที่ต้องการความเที่ยงตรงสูง มีความแน่นอนสูง ใช้งานได้ดีในย่านความถี่สูง แต่มีราคาค่อนข้างแพง
5. ตัวเก็บประจนิดแทนทาลัม
ตัวเก็บประจุชนิดแทนทาลัม เป็นตัวเก็บประจุที่มีขนาดเล็กแต่มีค่าความจุสูงโครงสร้างของตัวเก็บประจุชนิดแทนทาลัม ประกอบด้ยแผ่นโลหะบางของแทนทาลัมเคลือบแผ่นโลหะแทนทาลัมด้วยฉนวนที่มีค่าคงที่ไดอิเล็กตริกสูง เช่น พวกนิมแทนทาลัมหรือแทนทาลัมออกไซด์ (Tantalum Oxside) และเคลือบด้วยสารอิเล็กโตรไลต์เพื่อคั่นกลางแผ่นโลหะแทนทาลัมอีกชั้น ขาลวดตัวนำถูกต่อออกมาจากแผ่นโลหะแทนทาลัม ผิวด้านนอกสุดของตัวเก็บประจุถูกเคลือบด้วยสารประเภทพลาสติก
ข้อดี ของตัวเก็บประจุชนิดแทนทาลัม คือ ทนทานต่อการใช้งาน ทนต่ออุณหภูมิและความชื้น ไม่เกิดกระแสรั่วไหลขณะนำไปใช้งาน แต่มีอัตราแรงดันต่ำ
6. ตัวเก็บประจุชนิดอิเล็กโตรไลติก
ตัวเก็บประจุชนิดอิเล็กโตรไลติก เ๋ป็นตัวเก็บประุจุชนิดที่สามารถสร้างให้มีค่าความจุสูงๆ ได้ โครงสร้างของตัวเก็บประจุชนิดอิเล็กโตรไลติก ประกอบด้วยแผ่นอะลูมิเนียมบางทำเป็นขั้วบวก (+) ขั้วลบ (-) ของตัวเก็บประจุ จุ่มอยู่ในน้ำยาเคมีที่เป็นสารละลายอิเล็กโตรไลต์ทำหน้าที่เป็นฉนวนคั่นกลาง ได้แก่ โบแรค (Borax) คาร์บอเนต (Carbonate) หรือฟอสเฟต (Phosphate) ในทางปฏิบัติจะใช้วิธีนำแผ่นอลูมิเนียมบางมาจุ่มสารอิเล็กโตรไลต์ให้เปียกชุ่ม จากนั้นม้วนเข้าด้วยกันใ้ห้เป็นทรงกระบอกและบรรจุลงในกระป๋องโลหะหรือกระป๋องอะลูมิเนียมตอนกลางมีขั้วเป็นบวก ตอนนอกที่ติดกระป๋องทำหน้าที่เป็นขั้วลบของตัวเก็บประจุ ทำการปิดฝาให้สนิท ระหว่างการผลิตต้องป้อนแรงดันไฟตรงให้ขั้วทั้งสองของตัวเก็บประจุ ทำปฏิกิริยาทางอิเล็กโตรไลซิสทำให่เกิดการแยกตัวทางไฟฟ้าขึ้นมา ทางขั้วบวกของตัวเก็บประจุเกิดฟิล์มของอะลูมิเนียมออกไซด์ (Aluminum Oxide) ขึ้นรอบแผ่นอะลูมิเนียมบางแผ่นบวก เป็ฯฉนวนบางคั่นระหว่าแผ่นอะลูมิเนียมบางขั้วบวกให้แยกออกจากขั้วลบของตัวเก็บประจุ
เนื่องจากฟิล์มของอะลูมิเนียมออกไซด์มีขนาดบางมาก ทำให้สามารถสร้างตัวเก็บประจุชนิดนีให้มีค่าความจุสูงยิ่งขึ้นในขนาดที่เล็กลง
ข้อเสีย ของตัวเก็บประจุชนิดนี้คือเมื่อใช้กับแรงดันไฟตรง ต้องต่อขั้วตัวเก็บประจุให้ตรงกับขั้วของแหล่งจ่ายแรงดันไฟตรง หากต่อขั้วผิด ตัวเก็บประจุแบบนี้จะหมดค่าความจุ ยังทำให้เกิดแก๊สและความร้อนจนระเบิดขึ้นมาได นอกจากนั้น ตัวเก็บ ประจุแบบนี้มีค่ากระแสรั่วไหล (Leakage Current) ที่ไหลผ่านฉนวนได้สูง
... "ตัวเก็บประจุแบบปรับค่าได้"...
ตัวเก็บประจุแบบปรับค่าได้ (Variable Capacitor) คือตัวเก็บประจุที่สามารถปรับเปลี่ยนค่าความจุให้มากขึ้นหรือน้อยลงได้ ส่วนประกอบของตัวเก็บประจุชนิดนี้ประกอบชุดแผ่นโลหะ 2 ชุด ชุดหนึ่งแผ่นโลหะถูกยึดติดอยู่กับที่เรียกว่าชุดสเตเตอร์ (Stator) อีกชุดหนึ่งสามารถหมุนเคลื่อนที่ได้เรียกว่า ชุดโรเตอร์ (Rotor) ฉนวนที่ใช้คั่นกลางแผ่นโลหะ 2 ชุดมีหลายชนิด เช่น อากาส, พลาสติก หรือไมก้า เป็นต้น
ค่าความจุของตัวเก็บประจุชนิดนี้ ขึ้นอยู่กับการปรับหมุนชุดโรเตอร์ ถ้าชุดหมุนโรเตอร์ซ้อนกับชุดหมุนสเตเตอร์อย่างสนิท ตัวเก็บประจุจะมีค่าความจุสูงสุดเมื่อค่อยๆ ปรับหมุนให้ชุดโรเตอร์ออกห่างจากชุดสเตเตอร์ ค่าความจุของตัวเก็บประจุจะ่ค่อยๆ ลดลง และเมื่อชุดโรเตอร์ไม่ซ้อนกับชุดสเตเตอร์เลย ค่าความจุของตัวเก็บประจุจะต่ำที่สุด ตัวเก็บประจุชนิดนี้เรียกว่าตัวเก็บประจุแบบวาริเอเบิล
ตัวเก็บประจุชนิดนี้ ใช้งานในย่านค่าความถี่สูงๆ เช่น ใช้เป็นวงจรปรับหาคลื่นสถานีวิทยุในความถี่ต่างๆ ลักษณะตัวเก้บประจุแบนี้อาจมีุชุดเดียวหรือมีหลายชุด แต่ละชุดเรียกว่าแก็ง (Gang) เช่น มี 1 ชุด เรียกว่า 1 แก็ง มี 2 ชุด เรียกว่า 2 แก็ง หรือมี 3 ชุด เรียกว่า 3 แก็ง เป็นต้น
นอกจากตัวเก็บประุชนิดวารเอเบิล ยังมีตัวเก็บประจุแบบปรับค่าได้อีกลักษณะหนึ่ง เป็นตัวเก็บประจุแบบปรับค่าได้ขนาดเล็ก มีค่าความจุน้อยๆ มีชุดสเตเตอร์ และชุดโรเตอร์ อย่างละ 1 แผ่น เรียกว่า ทริมเมอร์ (Trimmer) ฉนวนที่ใช้คั่นกลางแผ่นโลหะ อาจใช้แผ่นไมก้าหรือแผ่นพลาสติก ส่วนตัวถังของทริมเมอร์อาจเป็นพลาสติก หรือเซรามิก
... "หน่วยความจุและค่าทนแรงดัน" ...
ตัวเก็บประจุมีค่าความจุแตกต่างกันไป ตั้งแต่ค่าต่ำๆ ไปถึงค่าสูๆ หน่วยมาตรฐานของตัวเก็บประจุแสดงค่าความจุไว้เป็ญฟารัด (Farad ; F) ซึ่งเป็นหน่วยที่ใหญ่เกินไป เพราะค่าความจุที่ใช้งานมีค่าต่ำกว่าค่ามาตรฐาน จึงได้แตกเป็นหน่วยย่อยลงมาเป็นไมโครฟารัด (Microfarad ;µF ) นาโนฟารัด (Nanofaerad ;nF) และพิโคฟารัด (Picrofarad ;pF) สามารถเขียนความสัมพันธ์ต่างๆ ได้ดังนี้
1 ฟารัด (F) = 1,000,000 ไมโครฟารัด (µF) = 1 × 106 µF
= 1,000,000,000 นาโนฟารัด (nF) = 1 × 109 nF
= 1,000,000,000,000 พิโครฟารัด (pF) = 1 × 1012 pF
1 ไมโครฟารัด (µF) = 1 × 10-6 F = 1 × 10-3 nF = 1 × 106 pF
1 นาโนฟารัด (nF) = 1 × 10-9 F = 1 × 10-3 µF = 1 × 103 pF
1 พิโครฟารัด (pF) = 1 × 10-12 F = 1 × 10-6 µF = 1 × 10-3 nF
ค่าทนแรงดันของตัวเก็บประจุมักแสดงรวมอยู่ด้วยกับตัวเก็บประจุ ใช้บอกถึงค่าการทนแรงดันได้ของตัวเก็บประจุนั้น การนำตัวเก็บประจุไปใช้งานต้องคำนึงถึงค่าทนแรงดันในตัวเก็บประจุด้วย เพราะค่าแรงดันที่แสดงไว้เป็นการแสดงให้ทราบว่าตัวเก็บประจุตัวนั้นสามารถนำไปใช้กับแรงดันมากที่สุดเท่าไร แรงดันที่จ่ายมาตกคร่อมตัวเก็ฐประจุต้องมีค่าไม่เกินกว่าค่าทนแรงดันที่แสดงไว้กับตัวเก็บประจุ หากค่าแรงดันที่ป้อนให้มากเิกินกว่าค่าทนแรงที่แสดงไว้ตัเก็บประจุจะชำรุดเสียหายหมดสภาพการเป็นตัวเก็บประจุ ค่าทนแรงดันของตัวเก็บประจุแสดงไว้เป็น โวลต์ (V) จะแสดงค่าแรงดันไว้ในลักษณะที่แตกต่างกันไป เช่น เป็นแรงดันไฟตรง (DC Voltage ; VDC) เป็นแรงดันทำงาน (Working Volage ; WV) หรือเป็นแรงดันทดสอบ (Testing Voltage ; TV) เป็นต้น การเลือกตัวเก็บประจุมาใ้ช้งาน ต้องเลือกค่าทนแรงดันของตัวเก็บประจุให้มากว่าค่าแรงดันที่ใช้งานจริงเสมอ เพื่อความทนทานในการใช้งาน และเกิดความปลอดภัยกับตัวเก็บประจุ
..." การอ่านค่าความจุแสดงเป็นตัวเลขตัวอักษร "...
ตัวเก็บประจุทุกตัวต้องมีค่าความจุ ค่าทนแรงดัน และค่าความผิดพลาดกำกับไว้ที่ตัวเสมอ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ค่าได้ถูกต้อง การแสดงค่าวิธีหนึ่งคือการแสดงค่าความจุไว้เป็นตัวเลขตัวอักษรรวมกัน แบ่งการแสดงค่าได้ 2 แบบ คือ แบบแสดงค่าความจุออกมาดดยตรง และแบบแสดงค่าความจุออกมาเป็นรหัส
1. แบบแสดงค่าออกมาโดยตรง
ตัวเก็ยประจุที่แสดงค่าออกมาโดยตรง มักพิมพ์ค่าความจุที่อ่านได้โดยตรง บนตัวเก็บประจุมีค่าความจุเป็นพิโคฟารัด (pF) และไมโครฟารัด (µF) ตัวเก็บประจุบางตัวมีหน่วยบอกไว้ บางตัวบอกไว้เฉพาะตัวเลขค่าความจุเท่านั้น ตัวเก็บประจุตัวเล็กที่มีค่าความจุต่ำไม่นิยมบอกหน่วยไว้ การทราบว่ามีหน่วยเป็น pF หรือ µF ให้สังเกตจากตัวเลขที่เขียนไว้ ถ้าตัวเลขที่เขียนไว้มีค่าตั้งแต่ 1 ขึ้นไป เช่น 1, 2.2, 5, 10, 12, 33, 47, 100 เป็นต้น จะมีหน่วยเป็น pF และถ้าตัวเลขนั้นมีค่าน้อยกว่าเลข 1 ลงมา เช่น 0.01, 0.022, 0.068, 0.15, 0.33, 0.68, เป็นต้น จะมีหน่วยเป็นµF
เปอร็เซ็นต์ค่าผิดพลาดนิยมบอกไว้ใน 2 แบบ คือ แบบหนึ่งบอกค่าไว้เป็นเปอร์เซ็นต์ผิดพลาดโดยตรง เช่น 1%, 2%, 10%, 20% เป็นต้น อีกแบบหนึ่งบอกค่าไว้เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ เช่น D, F, G, K, L, M เป็นต้น ตัวอักษรที่กำกับไว้มีค่าเปอร์เซ็นต์ผิดพลาด
2. แบบแสดงค่าออกมาเป็นรหัสตัวเลขอักษร
ตัวเก็บประจุบางแบบถึงแม้มีตัวเลขตัวอักษรกำกับไว้บนตัวเก็บประจุนั้นๆ ก็ไม่สามารถอ่านค่าออกมาได้โดยตรง เพราะตัวเลขตัวอักษรที่แสดงไว้อยู่ในรูปรหัส การอ่านค่ามีวิธีการที่แตกต่างกันออกไป รหัสค่าความจุมักเป็นตัวเลข 3 ตัว เขียนเรียงกัน และอาจตามด้วยตัวอักษร 1 ตัวเพื่อแสดงค่าความผิดพลาดความจุ ตัวเลขที่แสดงไว้ไม่เป็นทศนิยม ไม่ขึ้นต้นด้วยเลขศูย์ นิยมใช้แสดงค่ากับตัวเก็บประจุตัวเล็กค่าความจุ
การอ่านค่าความจุ อ่าจากซ้ายมือไปขวามือ ตัวเลข 2 ตัวแรกทางด้านซ้ายอ่านออกมาได้โดยตรงตัวเลขตัวที่ 3 เป็นตัวเลขแสดงจำนวนเลขศูนย์ที่ต้องเติมเข้าไป อ่านค่าออกมาเป็นหน่วย pF